เพชร Lab Grown ที่มีใบเซอร์รับรองจากสถาบัน GIA นับเป็นเพชรที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมอันดับที่ 2 ในบรรดาเพชรที่ผลิตจากห้องแล็บทั้งหมด รองจาก เพชร Labrown จากสถาบัน IGI ซึ่งไม่เหมือนกับเพชรธรรมชาติที่สถาบัน GIA จะเป็นที่นิยมอันดับ 1 วันนี้ KOS Jewelry Thailand จะพามาทำความรู้จักกับเพชร Lab Grown เซอร์ GIA โดยละเอียดมากขึ้นครับ
เพชร Lab Grown เซอร์ GIA คืออะไร ?
เพชร Lab Grown GIA คือเพชรที่ปลูกขึ้นภายในห้องแล็บ และได้รับการรับรองจากสถาบัน GIA (Gemological Institute of America) ซึ่งเป็นสถาบันอัญมณีของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กำหนดหลักการ 4Cs ขึ้นมาเพื่อจำแนกเกรดเพชร มีความน่าเชื่อถือสูง และได้รับการยอมรับในเรื่องเพชรจากหลายประเทศทั่วโลก
จุดเด่นของ เพชร Lab Grown ใบเซอร์ GIA ?
เพชร Lab Grown GIA เป็นสถาบันที่ศึกษาเรื่องเพชรจากแลปมานานกว่า 60 ปี และมีผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีศาสตร์ที่ผ่านการตรวจสอบเพชรมามากกว่า 1,000,000 เม็ดในแต่ละปี จึงมั่นใจได้ว่าการจำแนกเกรดเพชร Lab Grown GIA น่าเชื่อถือ
โดย GIA ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยจำแนกเพชร Lab Grown ออกจากเพชรธรรมชาติ และเพชรสังเคราะห์ เช่น เพชรรัสเซีย (คิวบิกเซอร์โคเนีย) ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น โดยจะระบุได้ทันทีว่าเป็นเพชรที่ต้องนำไปตรวจสอบต่อ หรือเป็นเพชรธรรมชาติ หากต้องนำไปตรวจสอบต่อ และพบว่าเป็นเพชร Lab Grown นักอัญมณีศาสตร์จะออกใบรับรองเฉพาะเพชร Lab Grown ให้
ซึ่งใบรับรองของ GIA จะระบุรายละเอียด แสดงถึงความงามของเพชรตามหลัก 4Cs และแจ้งว่าเป็นเพชร Lab Grown ซึ่งแน่นอนว่าเกรดเพชรย่อมมีผลต่อราคา ฉะนั้นการเลือกซื้อเพชร Lab Grown จึงควรซื้อจจากสถาบันที่มีชื่อเสียง และเชื่อถือได้ เช่น GIA เป็นต้น
สถาบัน GIA เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก มีความน่าเชื่อถือสูง มีมาตรฐานการตรวจเพชรที่แม่นยำและเที่ยงตรง แต่ก็ไม่ใช่เป็นทางเลือกเดียวในการพิจารณาซื้อเพชรแลปโกลน
เพชร Lab Grown GIA ประเมินอย่างไร?
เพชร Lab Grown GIA อิงการประเมินตามเพชรธรรมชาติ หรือใช้หลัก 4Cs ที่ได้รับการยอมรับระดับสากล ประกอบไปด้วย สี ความสะอาด การเจียระไน และน้ำหนักกะรัต
ภายในรายงานของ GIA จะระบุว่าเป็นเพชร Lab Grown อย่างชัดเจน ที่หัวบนสุดของใบเซอร์จะเป็นสีน้ำเงินและระบุว่า LGDR ซึ่งย่อมาจาก ‘Labgrown Diamond Report’ ซึ่งจะเป็นคนละสีกับใบเซอร์เพชรธรรมชาติที่จะเป็นสีน้ำตาลพร้อมกับโลโก้ของ GIA
นอกจากนี้เพชร Lab Grown GIA ยังทำสลักเลเซอร์พร้อมหมายเลขเซอร์เพชรเฉพาะเม็ดนั้นไว้ที่ขอบเพชร เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถส่องกล้องขยายเพื่อตรวจเช็คได้ว่าเม็ดนั้นเป็นเเพชรแท้ ไม่ใช่เพชร CZ หรือ Moissanite ซึ่งความแม่นยำละรายเหล่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ดีมากขึ้น
ทำไมเพชร GIA ถึงเป็นที่นิยมอันดับ 2? แล้วสถาบันใดเป็นที่นิยมอันดับ 1?
เราอาจจะคุ้นชินกับสถาบัน GIA เพราะได้ยินจนติดหูว่าเพชรที่ออกโดยสถาบัน GIA น่าเชื่อถือที่สุด ซึ่งเป็นความจริง แต่สำหรับเพชร Lab นั้นสถาบัน GIA ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร (ในความเห็นของหมู่คนที่เล่นเพชรแลป) ในการระบุรายละเอียดให้ครบถ้วนลงบนใบเซอร์ ซึ่งในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญแล้ว ควรจะระบุให้ครบถ้วนมากกว่านี้ ซึ่งมีอยู่ 2 จุด ได้แก่
- บนใบเซอร์ GIA จะไม่ระบุว่าเพชร Lab เม็ดนั้นผ่านกระบวนการผลิตแบบใด เป็น HPHT Type (High Pressure High Temperature เพชรที่ใช้วิธีแรงดันสูง-อุณภูมิสูง) หรือเพชร CVD (Chemical Vapor Deposition เพชรที่ใช้วิธีสะสมไอสารเคมี) ซึ่งข้อมูลนี้สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเพชร Lab ที่ทำจากกระบวนการ CVD เวลาตรวจด้วยเครื่องจี้เพชร (Presidium) แล้วจะตรวจพบขึ้นว่าเป็น ‘Diamond’ ในขณะที่ถ้าเป็นเพชร Lab ประเภท HPHT ตรวจแล้วจะขึ้นว่า ‘Moissanite’ ซึ่งไม่ใช่เพชรนั่นเอง ในขณะที่สถาบันอย่าง IGI จะมีระบุข้อมูลนี้ลงบนใบเซอร์ แปลว่าถ้าคุณจะซื้อเพชรแลปเซอร์ GIA และอยากให้เป็นเพชร CVD ด้วย จะต้องให้ร้านค้าช่วยตรวจเช็คด้วยเครื่องตรวจจับที่ Advance มากขึ้นกว่าเครื่องจี้เพชรธรรมดาที่หาได้ตามท้องตลาด เพราะเครื่อง Advance เท่านั้นที่จะสามารถแยกได้ว่าเพชรแลปนั้นเป็นเพชร CVD หรือ เพชร HPHT
- Cut Grade จะสูงสุดที่ Excellent ในขณะที่ IGI จะสูงสุดที่ Ideal cut ซึ่งเป็นเกรดที่สูงกว่า Excellent
ดังนั้นในหมู่คนเล่นเพชรแลปจึงไม่ค่อยนิยมซื้อเพชรแลปที่รับรองโดยสถาบัน GIA กันซักเท่าไหร่ (ตรงกันข้ามกับเพชรธรรมชาติที่ GIA เป็นที่นิยมอันดับ 1) เพราะข้อมูลจะยังคงระบุไม่ครบถ้วน และมีราคาที่สูงกว่าเพชรใบเซอร์อื่นๆ เช่น IGI ซึ่งเป็นที่นิยมอันดับหนึ่งสำหรับเพชรแลปโกลน
เพชรแลปเซอร์ GIA ซื้อได้ ถ้าคุณอยากได้เพชรที่ออกโดยสถาบันที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก แต่ควรจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญและร้านค้าที่ชำนาญช่วยตรวจเช็คอย่างถี่ถ้วนและให้คำแนะนำที่ถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเพชรเม็ดนั้นเป็นเพชร CVD หรือ HPHT ตามที่เราต้องการ
เพชร Lab Grown GIA ราคาเท่าไหร่ ?
เพชร Lab Grown ที่มีใบเซอร์ GIA นั้นราคาจะสูงกว่าใบเซอร์ IGI
ราคาเริ่มต้นสำหรับ 1 กะรัต น้ำ 100 (D color) เซอร์ GIA จะราคาประมาณ 30,000 กว่าบาท ในขณะที่ IGI ราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000 กว่าบาท เท่ากับว่าเพชรเม็ดเดียวกันถ้าออกโดยสถาบัน GIA จะมีราคาที่สูงกว่าสถาบัน IGI ถึง 40%
เพชรแลป GIA นั้นมีราคาที่สูงกว่า เพชรแลป IGI ประมาณ 30-40%
เพชรจากแลป 2 กะรัต ราคาต่างจากเพชรธรรมชาติเท่าไหร่?
เพชรจากแลป 2 กะรัตเซอร์ GIA ราคาเริ่มต้นที่ 50,000-60,000 บาท ในขณะที่เซอร์ IGI ราคาเริ่มต้นที่ 30,000-40,000 บาท ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของเพชรจากแลปที่ต้องการ ในขณะที่เพชรธรรมชาติ (Natural diamond) นั้น 2 กะรัต น้ำ 98 เซอร์ GIA ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งต่างกันประมาณ 20 กว่าเท่าเลยทีเดียว
อ่านต่อ: เพชรแลป ราคาเท่าไหร่? แพงไหม?
เพชรจากแลป 2 กะรัต ราคาคุ้มค่าไหม ?
จะเห็นว่าเพชรจากแลป 2 กะรัต ราคาคุ้มค่ามากกว่าเพชรธรรมชาติแน่นอน โดยราคาเพชรจากแลป 2 กะรัตจะต่ำกว่าเพชรธรรมชาติ 2 กะรัตราว 20 กว่าเท่า เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาเพชรคุณภาพสูง เช่น เพชรน้ำร้อย หรือเพชรกะรัตใหญ่ ที่จ่ายได้ในราคาที่สบายกระเป๋า (Affordable price)
หาซื้อเพชรจากแลป 2 กะรัต ราคาดี คุณภาพสูง ไว้ใจได้ ต้องเพชรจาก Kos Jewelry Thailand ร้านเพชรชั้นนำที่จำหน่ายเพชรจากแลปคุณภาพดี มีบริการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีศาสตร์ ที่จะช่วยคัดสรรเพชรที่ตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณได้มากที่สุด
คุณสามารถเช็คสต้อคเพชรเราและราคาได้ด้วยตนเองได้ที่ Diamond search